Select Page

ผู้บริหาร ศอ.บต. ร่วมประชุมพระสังฆาธิการ ณ วัดทองดีประชาราม อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ขณะที่ กอ.รมน. ภาค 4 และ ศอ.บต. จะร่วมดูแลชุมชนไทยพุทธ ทั้งเรื่องของวัดและพระสงฆ์ให้ดีที่สุด

    วันที่ 26 ตุลาคม 2561  เวลา 13.00 น. ที่วัดทองดีประชาราม อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส  พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมพบปะในการประชุมพระสังฆาธิการระดับจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เลขานุการทุกระดับและกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา โดยมีพระเทพศีลวิสุทธิ์ (อ่อน ทนฺตจิตฺโต) เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส เจ้าคณะอำเภอ และคณะสงฆ์เข้าร่วมกว่า 30 รูป

    พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)กล่าวว่า ทางรัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ด้วยการให้ทุกกลุ่มทุกชุมชน ทั้งพี่น้องไทยพุทธ มุสลิม มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน  ทั้งนี้ กอ.รมน. ภาค 4 ได้สนับสนุนให้มีการร่วมกันแก้ปัญหา เนื่องจากชุมชนไทยพุทธมักถูกเป็นเป้าหมายที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ชุมชนไทยพุทธในหลายแห่งเริ่มถดถอย ซึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีชุมชนไทยพุทธทั้งหมดประมาณ 860 แห่ง เป็นชุมชนล่อแหลมจำนวน 247 แห่ง  และเป็นชุมชนถดถอยประมาณ 20 แห่ง ฉะนั้นต้องส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยมี กอ.รมน. ภาค 4 เป็นแม่งาน และ ศอ.บต. จะมาเติมเต็มในส่วนที่ยังเป็นช่องว่าง

    พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร กล่าวเสริมอีกว่า ได้นำเรียนในที่ประชุมว่า กอ.รมน. ภาค 4 และ ศอ.บต. จะร่วมกันดูแลชุมชนไทยพุทธ ทั้งในเรื่องของวัดและพระสงฆ์ให้ดีที่สุด และถ้าจัดกิจกรรมใดๆ พร้อมที่จะให้เกิดการมีส่วนร่วมกับพี่น้องมุสลิมรอบๆวัดและชุมชนไทยพุทธ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ชุมชนที่เหลือน้อยให้คงในพื้นที่อยู่ต่อไป

 174 total views

รองเลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคเหี่ยวในกล้วยหิน

    วันนี้ (26 ตุลาคม 2561)  ณ ห้องรับรองชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)  พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ ศอ.บต. ให้การต้อนรับคณะเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนวิสาหกิจชุมชนคลัสเตอร์กล้วยหินยะลา และคณะวิจัยจากคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์   เพื่อขอบคุณ ศอ.บต. ที่ได้ร่วมพัฒนาโครงการพัฒนาคุณภาพ เพิ่มศักยภาพการผลิตและการแปรรูปกล้วยหินแบบบูรณาการ  ซึ่งกล้วยหินเป็นพืชคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดยะลา  ได้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ทุกประการ พร้อมหารือเรื่องการแก้ไขปัญหาด้านรายได้ของเกษตรกรซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคเหี่ยวในกล้วยหิน

    พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวว่า ปัญหาโรคเหี่ยวในกล้วยหินทำให้เกษตรกรที่ปลูกกล้วยหินได้รับผลกระทบ ซึ่งการเฝ้าระวัง ป้องกันและกำจัดโรคเหี่ยวในกล้วยหินเป็นหน้าที่ของสำนักงานเกษตรจังหวัด  แต่ด้านรายได้ของเกษตรกรที่ปลูกกล้วยหินทางด้าน ศอ.บต. จะเร่งดำเนินการช่วยเหลือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

    นางกมลลักษณ์ สายเมือง รักษาการแทนประทานครือข่ายวิสาหกิจชุมชนวิสาหกิจชุมชนคลัสเตอร์กล้วยหินยะลา กล่าวว่า จากการเฝ้าระวัง ป้องกัน และกำจัดโรคเหี่ยวในกล้วยหินสภาพในพื้นที่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะมากแต่ปัจจุบันมีปัญหากล้วยหินในพื้นที่ขาดแคลน  กลุ่มแปรรูปกล้วยหินในพื้นที่จากทั้งหมด 30 กลุ่ม ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 3 กลุ่ม  ส่วนแปลงทดสอบมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น อัตราการตายลดลง ในอนาคตมีโครงการจะทำแปลงทดสอบในพื้นที่เก่า ขุดหลุมใหม่  ใช้ต้นเก่า และใช้วิธีการรักษาแบบมอ.ควบคุม  เนื่องจากมีการทดสอบแล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ  และเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับเกษตรกรในขณะนี้ที่ขาดแคลนกล้วยหิน  เพราะถ้าเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อต้องใช้เวลา  ต้นกล้าที่สะอาด  ซึ่งตอนนี้ทางเทศบาลเพาะเลี้ยงให้อยู่และอีก2ปีถึงจะได้ต้นกล้า10000 ต้น  แต่รายได้จากการเก็บเกี่ยวกล้วยหินเป็นรายได้ตลอดทั้งปีของเกษตรกรที่ปลูกกล้วยหิน จึงควรมีโครงการเพื่อช่วยแก้ปัญหารายได้ของเกษตรกรที่ปลูกกล้วยหิน

    อย่างไรก็ตามกล้วยหินถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดยะลา และมีพื้นที่ปลูกกล้วยหินจำนวนกว่าสามพันไร่ แต่ในห้วง 3-4 ปีที่ผ่านมาประสบปัญหาโรคเหี่ยวในกล้วยหิน ซึ่งจะมีการติดเชื้อได้ 2 ทาง ทั้งทางรากและทางหัวปลีด้านบน ส่งผลให้ผลผลิตตกต่ำ ศอ.บต. จึงได้รวบรวมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมศึกษา และหาแนวทางในการป้องกันและแก้ปัญหาในระยะยาว เพื่อสร้างแนวทางการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคเหี่ยวในกล้วยหิน รวมถึงวิธียุติการแพร่ระบาดดังกล่าว

 136 total views

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ค่ายจุฬาภรณ์ พร้อมผู้นำศาสนาในพื้นที่ ร่วมแสดงความยินดีแก่รองเลขาธิการ ศอ.บต.

     วันนี้ (26  ตุลาคม  2561)  ที่ ห้องประชุมน้อมเกล้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้  พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.ผู้อำนวยการสำนัก/กอง ศอ.บต. ตลอดจนข้าราชการ พนักงาน ศอ.บต. ร่วมให้การต้อนรับ นาวาเอก ดร.นิรัตน์ ทากุดเรือ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ นาวิกโยธิน กองทัพเรือ ค่ายจุฬาภรณ์ และเจ้าหน้าที่ทหารเรือ จากค่ายจุฬาภรณ์ ตลอดจนคณะแม่บ้าน ค่ายจุฬาภรณ์  ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา  ในโอกาสเดินทางมาพบปะเพื่อแสดงความยินดีและ ให้กำลังใจแก่ พลเรือตรีสมเกียรติ  ผลประยูร สำหรับตำแหน่งรองเลขาธิการ ศอ.บต.

     และในโอกาสเดินทางมาพบปะครั้งนี้ พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ศอ.บต.ได้กล่าวต้อนรับนาวาเอก ดร.นิรัตน์ ทากุดเรือ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ค่ายจุฬาภรณ์ และคณะทหารค่ายจุฬาภรณ์ คณะแม่บ้านค่ายจุฬาภรณ์  ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา พร้อมบอกกล่าวถึงบรรยากาศการทำงานที่ค่ายจุฬาภรณ์  ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานที่มีความสุขอย่างมาก  เนื่องจากตนเองเคยปฏิบัติหน้าที่มาก่อน โดยตลอดการทำงานไม่ว่าจะที่ใดตนเองมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยุติความบอบช้ำ ความรุนแรง ซึ่งการทำงานในตำแหน่งรองเลขาธิการ ศอ.บต. ก็จะยังคงมุ่งมั่น แก้ปัญหาเพื่อประชาชนต่อไป

     ด้าน นาวาเอก ดร.นิรัตน์  ทากุดเรือ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ กล่าว  แสดงความยินดี และอวยพรแก่ พลเรือตรีสมเกียรติ  ผลประยูร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ศอ.บต. ซึ่งมีโอกาสได้ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ดั่งที่ท่านมุ่งหวัง อีกทั้งได้แสดงเจตจำนงพร้อม ที่จะเป็นเสาหลักคอยค้ำจุน ช่วยเหลือท่านในการทำงาน ตามคำพระราชดำรัสของ พ่อหลวง ร.9  ที่ว่า  เราต้องส่งเสริมคนดี  เพื่อให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง

     อย่างไรก็ตามในการพบปะกับทางคณะครั้งนี้  ยังได้มอบของที่ระลึกแก่ พลเรือตรีสมเกียรติ  ผลประยูร  รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ศอ.บต.  อีกด้วย

 490 total views

คณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือคดีความมั่นคงฯ จชต. เร่งพิจารณาให้ความช่วยเหลือจำเลยคดีความมั่นคง ตกค้าง 30 ราย ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

     วันนี้ (26 ตุลาคม 2561) เวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดยะลา เข้าหารือพลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อดำเนินการกำหนดประชุมคณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา คือ อำเภอเทพา สะบ้าย้อย จะนะ และอำเภอนาทวี เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมตามกระบวนการและขั้นตอน ซึ่งขณะนี้มีผู้ต้องหาคดีความมั่นคงตกค้าง 30 ราย และจะมีการพิจารณาให้ความช่วยเหลือในการประชุมครั้งแรก 15 ราย

     สำหรับการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการกองทุนยุติธรรม ได้มีคำสั่ง ที่ 3/2561 ระบุให้เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานอนุกรรมการ และมีอนุกรรมการ 7 คน ประกอบไปด้วย อัยการจังหวัด สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนประจำจังหวัดยะลาหรือผู้แทน ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หรือ รองผู้อำนวยการฯที่ได้รับมอบหมาย ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 หรือผู้แทน ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี หรือรองผู้อำนวยการที่ได้รับมอบหมาย ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง เขต 8 หรือผู้แทน ผู้ทรงคุณวุฒิตามที่เลขาธิการ ศอ.บต. คัดเลือก 2 คน และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานยุติธรรม ศอ.บต.หรือผู้แทน อีกทั้งยังระบุให้มีอนุกรรมการและเลขานุการ เพื่อจัดทำรายงานผลการพิจาณาให้ความช่วยเหลือต่อคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม จำนวน 3 คน

     คณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีอำนาจหน้าที่ พิจารณาอนุมัติ ไม่อนุมัติ หรือยุติคำขอรับความช่วยเหลือ เฉพาะการขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ภายในวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อราย ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกองทุนยุติธรรมกำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้

 124 total views

จ.ยะลา และ สงขลา ร่วมส่งเรือพระแข่งขันความงาม ในงานชักพระ ครั้งที่ 69 อ.โคกโพธิ์ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นสื่อ สานความสามัคคีและการท่องเที่ยว

     อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี จัดงานชักพระ ครั้งที่ 69 อย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 25 ตุลาคม 2561 เพื่อสืบสานงานประเพณีชักพระที่มีการจัดทำเรือพระที่ประดิษฐ์ด้วยกระดาษสีฉลุกนกลายไทยที่สวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเรือพระอำเภอโคกโพธิ์ เพื่อส่งเสริมความรัก ความสามัคคี พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ขยายกว้างขึ้นมุ่งหวังนำประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยมีพลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้ และมีนายพงศ์เทพ ไข่มุกด์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานเพื่อชมความสวยงามของเรือพระ พร้อมจับจ่ายซื้อสินค้าภายในงานกันอย่างคึกคัก

     พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวถึงบทบาทการให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ศอ.บต. มุ่งเน้นการนำมิติทางวัฒนธรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งอำเภอโคกโพธิ์ และหลายอำเภอในจังหวัดปัตตานีเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนหลายเชื้อชาติอยู่ร่วมกันเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม มีความหลากหลายในวิถีชีวิต ซึ่งเป็นความสวยงามที่สามารถสัมผัสและมองเห็นได้ทั่วไปอย่างไรก็ดีการจัดงานประเพณีชักพระอำเภอโคกโพธิ์ นอกจากจะส่งเสริมประเพณีที่ดีงาม ให้คงอยู่คู่อำเภอโคกโพธิ์แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการนำวัฒนธรรมมาเป็นสื่อสายใยเรียงร้อยความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่จังหวัดปัตตานี ในสภาวะสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย

     สำหรับงานชักพระ ครั้งที่ 69 ในปีนี้ มีการแห่ริ้วขบวนเรือพระในแต่ละวัดของอำเภอโคกโพธิ์และอำเภอต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีทั้งสิ้น 33 ลำ โดยมีเรือพระจากจังหวัดยะลาและจังหวัดสงขลาเข้าร่วมแห่จังหวัดละ ๑ ลำ สร้างบรรยากาศให้งานชักพระ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีในปีนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษ

 166 total views