Select Page

มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา ร่วมต้อนรับเยาวชนจากดินแดนภาคใต้ 319 คนในโครงการ”สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34

     วันนี้ (25 ตุลาคม 2561) เวลา 13.00 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ เป็นประธาน กล่าวให้โอวาทข้อคิดแก่เยาวชนและปิดการเสวนา โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาจัดกิจกรรมค่ายประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยนำเยาวชนทั้ง 319 คน ทัศนศึกษาสังคมพหุวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความภูมิใจของชาติไทยในอดีต ตามเส้นทางดังนี้ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์ วัดนักบุญยอแซฟ วัดไชยวัฒนาราม พิพิธภัณฑสถานแห่งเจ้าสามพระยาชมความงามวัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ อนุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทอง คุ้มขุนแผน วัดพระราม ป้อมเพชร และศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ และจัดพิธีเปิดการเสวนา เรื่อง พหุวัฒนธรรมอยุธยา,รากฐานความเป็นสังคมไทยร่วมสมัย ณ ห้องประชุม อาคาร 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายเรวัติ ประสงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ดร.เกษม บำรุงเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวร่วมให้การต้อนรับ

     ดร.เกษม บำรุงเวช อธิการบดีกล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34 ได้มีโอกาสต้อนรับเยาวชนและครูพี่เลี้ยงจากดินแดนภาคใต้ ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาทั้งชาวพุทธและมุสลิม มีแหล่งเรียนรู้และมีบุคลากรที่จะให้ความรู้แก่เยาวชนที่ต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม มุ่งหวังเพื่อเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาสังคมจนนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

     ทั้งนี้มีเยาวชนจากโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34 ได้กล่าวความรู้สึกในครั้งนี้ว่า ขอขอบคุณโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ที่ได้เปิดโอกาสตัวเองและเพื่อนๆ ได้มาถึงจุดนี้ ตนเองได้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆมากมาย ได้เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ได้ไปศึกษาสถานที่สำคัญมากมาย โดยเฉพาะจังหวัดอยุธยา ต้องยอมรับว่าเป็นจังหวัดที่เราทุกคนควรแก่การมาศึกษาเรียนรู้มาก เพราะจังหวัดอยุธยาเป็นแหล่งของสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างแท้จริง เพราะมัสยิด วัด หรือโบสถ์ ยังอยู่บริเวณใกล้กัน รวมทั้งชาวบ้านทั้งไทยพุทธ มุสลิม หรือคริสต์ ก็เป็นเพื่อนกันอย่างมีความสุข ขอบคุณทางโครงการฯที่ได้พามาดูสิ่งดีๆ และหลังจากนี้ไปจะนำสิ่งสวยงามเหล่านี้ไปเล่าต่อกับเพื่อนๆในสถานศึกษา รวมทั้งชุมชนของตนเองให้รู้ว่าเราทุกคนคือเพื่อนกัน ถึงแม้จะต่างศาสนา ต่างความคิด ต่างการใช้ชีวิต แต่มีอย่างเดียวที่เหมือนกันคือ เราอยู่ประเทศไทย และมีในหลวงองค์เดียวกัน ดังนั้นเราอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจในการทำความดี

 122 total views

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

     วันนี้ (24 ตุลาคม 2561) เวลา 10.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี / ประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประธานในพิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูลและจังหวัดสงขลา จำนวน 319 คน เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว  ซึ่งโครงการนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 34 เพื่อที่จะให้เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้   นอกจากจะได้มีโอกาสเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงแล้วยังต้องการให้เยาวชนได้มีประสบการณ์ชีวิตและการพัฒนาแนวคิดของเยาวชนในการอนุรักษ์ธรรมชาติ  หลังจากเปิดโครงการแล้วองคมนตรี ในนามประธานมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ร่วมปลูกต้นหว้า ร่วมกับตัวแทนเยาวชนในโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34 ในครั้งนี้ด้วย

     พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี / ประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ได้กล่าวให้โอวาทแก่เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ว่า เยาวชนจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับตนเองให้มากที่สุด ทั้งในเรื่องการปรับตัวเข้ากับครอบครัวอุปถัมภ์ กิริยามารยาท การแต่งกาย ฯลฯ ขอให้เยาวชนทุกคนมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ถึงความเหมือนและความต่างทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต การอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสามัคคีและความสันติสุข เพื่อที่จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่ายิ่งจากครอบครัวอุปถัมภ์เหล่านั้น ให้เยาวชนได้นำมาพัฒนาแนวคิดของตนเองให้สามารถปฏิบัติตนเป็นผู้นำที่ดีของชุมชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ต่อไป

     นอกจากนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดพิธีค่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34 ว่า  เพื่อให้เยาวชนได้รับทราบถึงความสำคัญในการดูแลสภาพแวดล้อมของบ้านเมือง ไม่ใช่เฉพาะทางภาคใต้เท่านั้น  โดยได้แนะนำให้เยาวชนทราบว่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถือเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ  และสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องเรียนรู้ คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเราไม่มีป่าไม้ หน้าที่เราคือการอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงอยู่ประเทศไทยให้สวยงามตลอดไป ดังนั้น เราทุกคนต้องมีส่วนร่วมกัน เห็นหูเป็นตา เพื่อบ้านเมืองของเรา และได้เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ออกไปดูสัตว์ป่าหลายชนิด  และวันนี้เยาวชนได้ทำกิจกรรมร่วมกันในการเขียนภาพ  ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้  หลังจากนั้นเยาวชนจะไปทำกิจกรรมกันที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์  อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

     สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ มีการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ,กิจกรรมส่องสัตว์เพื่อศึกษาชีวิตสัตว์ป่า , การทัศนศึกษาเยี่ยมชมน้ำตก, จุดชมวิวผาเดียวดายการถ่ายทอดความรู้สึกต่อธรรมชาติ และกิจกรรมวาดภาพ โดยทุกกิจกรรมได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ข้าราชการและพนักงานอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ให้ความรู้ในครั้งนี้

 148 total views

วันนี้ (23 ตุลาคม 2561) เยาวชนในโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34 ได้เดินทางมาเข้าค่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อปลูกจิตสำนึกให้มีความรักสิ่งแวดล้อม ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างวันที่ 23 – 25 ตุลาคม 2561 หลังจากได้ใช้ชีวิตร่วม

     วันนี้ (23 ตุลาคม 2561) เยาวชนในโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 34 ได้เดินทางมาเข้าค่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อปลูกจิตสำนึกให้มีความรักสิ่งแวดล้อม ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างวันที่ 23 – 25 ตุลาคม 2561 หลังจากได้ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 14 วัน ซึ่งการมาเข้าร่วมเข้าค่ายในครั้งนี้ นอกจากจะให้เยาวชนมีความปลูกจิตสำนึกให้มีความรักในสิ่งแวดล้อม และหวงแหนทรัพย์ยากรธรรมชาติและป่าไม้แล้ว ยังได้ใช้ธรรมชาติเป็นสื่อกลาง เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย

     สำหรับโครงการนี้ได้มีการดำเนินการผ่านมาแล้วจำนวน 33 รุ่น ในครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 34 มีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับถือศาสนาพุทธ จำนวน 104 คน นับถือศาสนาอิสลาม จำนวน 215 คน รวมเป็นจำนวน 319 คน และเยาวชนที่เข้ามาเข้าค่ายกิจกรรมสิ่งแวดล้อม จะได้ที่มีกิจกรรมต่างๆคือ กิจกรรมฐานความรู้การใช้ชีวิตรอดในป่า, กิจกรรมความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่คู่กับชุมชน, กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ,กิจกรรมส่องสัตว์เพื่อศึกษาชีวิตสัตว์ป่า , การทัศนศึกษาเยี่ยมชมน้ำตก, จุดชมวิวผาเดียวดายการถ่ายทอดความรู้สึกต่อธรรมชาติ และกิจกรรมวาดภาพ โดยทุกกิจกรรมได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ข้าราชการและพนักงานอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ให้ความรู้ในครั้งนี้

 98 total views

ศอ.บต. ร่วมสืบสานประเพณีชักพระ ประจำปี 2561 มีเรือเข้าร่วมกว่า 50 ลำ

     วันนี้ (25ตุลาคม 2561) เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา จัดงานประเพณีชักพระ ประจำปี 2561ณ ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มาร่วมกันทะนุบำรุง สืบสานประเพณี และอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป ซึ่งบรรยากาศของงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ให้ความสนใจมาร่วมกันสืบสานประเพณีเป็นจำนวนมาก โดยมีนายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลารองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา รวมถึง นายกิจจา ศรีเจริญ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

     สำหรับในปีนี้ได้มีขบวนเรือพระจากจังหวัดยะลา และจังหวัดใกล้เคียงที่ประดับตกแต่งด้วยความสวยงาม โดยเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญทางพระพุทธศาสนา เข้าร่วมกว่า 50 ลำ และภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ การประกวดเรือพระ พิธีสมโภชเรือพระ การประกวดขบวนแห่เรือพระ การแข่งขันตีโพน การแข่งขันกลองยาว การแข่งขันแทงต้ม ซัดต้ม การแข่งขันขูดมะพร้าว แข่งขันกีฬาพื้นบ้าน การแข่งขันของนักเรียนในพื้นที่ ฯลฯ เป็นต้น โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 28 ตุลาคม 2561

 89 total views

ศอ.บต. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงในพื้นที่ จชต. เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน

     วันนี้ (24 ตุลาคม 2561) ที่ สำนักงานนอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาความต้องการแรงงานภาคประมงและสาขาต่างๆของภาคเอกชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงที่เกิดจากการปฏิรูปการประมงของไทยให้ได้มาตรฐานในระดับสากล โดยมี นายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล พร้อมด้วย นางสาวนฤมล  นุตยะสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กษ)  องค์กรภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

     การหารือในครั้งนี้ที่ประชุมได้นำเสนอข้อมูลในภาพรวมเรื่องใช้แรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนแต่ละประเภทในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการใช้มาตรา 83  แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558  ที่จะประกาศใช้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน นี้ โดยได้หารือในเรื่องการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนายจ้างข้อมูลแรงงานต่างด้าวที่มีกิจการเรือประมงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สถานการณ์การขาดแคลนแรงงานในสาขาต่างๆของภาคเอกชนและความต้องการแรงงานต่างด้าวที่สอดคล้องกับพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีรายละเอียด เช่น ความต้องการให้สำรวจข้อมูลแรงงานต่างด้าวอย่างเร่งด่วนภายในเดือนตุลาคมนี้  ผลักดันให้พื้นที่3จังหวัดใช้มาตรการพิเศษต่อการจ่ายค่าแรงประมง แนวทางการเยียวยาผู้ว่าจ้าง ที่มีลักษณะคล้ายการพยุงราคาผลผลิตทางการเกษตร และลดขั้นตอนในการดำเนินการทางกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมานั้น ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐบังกลาเทศ เพื่อพิจารณาส่งเสริมให้มีแรงงานจากาธารณรัฐบังกลาเทศที่มีทักษะความรู้ ความชำนาญโดยเฉพาะธุรกิจประมง ธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ และการบริการเพื่อให้แรงงานมีการพัฒนาความรู้ ตลอดจนทักษะการประกอบอาชีพที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจประมง ตรงตามกับความต้องการ ข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่จึงมีการจัดทำข้อเสนอการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาของทั้ง 2 ประเทศ

     อย่างไรก็ตามการหารือได้มอบหมายให้แรงงาน จัดทำรายงานการประชุม โดยให้ผู้แทนภาคเอกชน ร่วมตรวจสอบ ปัญหา ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อจัดทำรายงานเสนอหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งดำเนินการต่อไป

 139 total views